วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552

คู่ปริศนา บทที่8 งานเลี้ยงส่งวิญญาณ

บทที่ 8
งานเลี้ยงส่งวิญญาณ


ปาร์ตี้แฟนซีสุดโรแมนติก ชายหญิงในชุดสวยงามซ่อนเร้นใบหน้าไว้ภายใต้หน้ากาก เต้นรำอยู่ท่ามกลางเสียงดนตรีที่พลิ้วไหวราวผีเสื้อ...ถ้าฉันหาย ฉันจะกลายเป็นคู่เต้นรำที่โดดเด่นที่สุดในงานเคียงคู่กับเขาคนนั้น เต้นรำล่องลอยไปด้วยกัน...


“วู้ ฮ่าๆ ชายหนุ่มที่หล่อที่สุดในงานมาแล้ววว” เจ้าหนุ่มผมขาวยืนหัวเราะร่าอยู่กลางงาน
“อย่าบอกนะว่านายรู้จักกับฉันก็แล้วกัน” จิ้งฉีแต่งตัวเรียบง่ายเหมือนทุกวันไม่มีอะไรเปลี่ยน นี่ถ้าไม่เพราะจะถือโอกาสนี้ไล่เจ้าแมวดำปีศาจไปให้พ้นจากชาร์ลิซล่ะก็ เขาไม่มีทางมาร่วมงานแบบนี้แน่ๆ ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือลู่กั้วที่ยืนอยู่ข้างๆ แต่งตัวน่าอายชะมัด ใส่ชุดบ้าอะไรไม่รู้ดูแล้วยังกับทาสสมัยก่อน หูทั้งาองข้างใส่ต่างหูไว้คู่เบ้อเริ่ม แถมยังเอาหางหมาป่ามาติดบั้นท้ายด้วย ดูเหมือนคนบ้า ไม่ก็เป็นกึ่งคนกึ่งปีศาจ จิ้งฉีเห็นแล้วแทบจะไม่อยากอยู่ใกล้
“ต๊าย จิ้งฉี ไม่แต่งตัวก็ยังหล่อนะเนี่ย เหมือนตุ๊กตาเลยดูสิ” เพื่อนนักเรียนหญิงที่เห็นส่งเสียงวี้ดว้าย
“ชิ ไอ้กะเทย ไม่แต่งตัวจะเรียกว่าหล่อได้ยังไง? อีโธ่” ลู่กั้วหมั่นไส้
“บอกหลายครั้งแล้วใช่มั้ย ถ้ายังเรียกฉันว่ากะเทยอีก ฉันจะฆ่าแก” จิ้งฉีโกรธจัด จ้องลู่กั้วอย่างเดือดดาล ไม่ชอบให้ใครมาเรียกตัวเองอย่างนั้น
“ชิ ฉันว่าถ้าแกเอากระโปรงมาใส่ คงจะไม่มีใครจำได้ว่าแกเป็นผู้ชาย”
“ลู่กั้ว เธอน่ะไม่รู้อะไรซะบ้างเลย เดี๋ยวนี้เขานิยมผู้ชายหน้าหวานๆ แบบนี้แหละ ดูกลางๆ ดี” เหล่านักเรียนหญิงปกป้องจิ้งฉี
“ดูกลางๆ ดูโรคจิตล่ะไม่ว่า” ลู่กั้วดูถูก
“จิ้งฉีอย่าไปสนใจเลย เอางี้ดีกว่า วันนี้เธอจะเต้นรำกับใครบอกหน่อยสิ” ผู้หญิงแทบทั้งห้องลุ้นระทึกอยู่ในใจ
“ฉันเต้นรำไม่เป็น”
“ไม่เป็นไร พวกเราสอนได้” เธอๆ ทั้งหลายยังไม่ยอมรามือ พากันดึงจิ้งฉีไปที่ฟลอร์เต้นรำ


ไอ้เวรจิ้งฉีนี่มันมีสาวๆ ติดกันเกรียวขนาดนี้เชียวรึนี่


ลู่กั้วโมโหจนผมแทบจะชี้ชันขึ้นทุกเส้น ตัวเองอุส่าห์แต่งตัวขนาดนี้ยังไม่มีใครสนใจ
“ยี้ ลู่กั้วเธอแต่งตัวเป็นมนุษย์หมาป่างั้นเหรอ” เสียงหวานใสของชาร์ลิซดังมาจากข้างหลัง
“ฮ่าๆ ดูออกด้วย” ลู่กั้วยิ้มเขินๆ “แต่ว่าฉันแต่งเป็นหมาป่าต่างหากน่ะ แล้วไอ้มนุษย์หมาป่านี่มันอะไรกันเหรอ?” เขาเห็นชาร์ลิซแต่งตัวเรียบๆ เหมือนไม่ได้ตั้งใจจะมาร่วมงานปาร์ตี้อย่างนั้นแหละ ขณะนั้นเอง...
“ชาร์ลิซมาทางนี้เดี๋ยว” ลู่กั้วดึงมือชาร์ลิซให้เดินมาหาตน เขาสังเกตเห็นมีนักเรียนหญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆเธอ
“มีอะไรล่ะ?”
“เธอเป็นใคร?” ลู่กั้วถามออกไปยังฝั่งตรงข้าม เสียงดุ
“ฉัน...ฉัน..” นักเรียนหญิงคนนั้นสั่นกลัว ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“เธอเห็นเสี่ยวอ้ายด้วยเหรอ?” น้ำเสียงของชาร์ลิซตื่นเต้นระคนแปลกใจ
“หา เธอก็เห็นเหมือนกันเหรอ?” ลู่กั้วตกใจ ชาร์ลิซไม่มีพลังวิเศษทำไมถึงเห็นวิญญาณได้ล่ะ
“ฉันมองไม่เห็นหรอก แต่เข่อถาบอกหน่ะ”
“งั้น...” ลู่กั้วงงไปหมดแล้ว “เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่”
“ความจริงที่ฉันไหว้วานให้จิ้งฉีมางานนี้ มันมีเหตุผล” สีหน้าของชาร์ลิซเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจริงจัง
“เสี่ยวอ้ายเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเราไงล่ะ เธอแอบชอบจิ้งฉีมาตลอด และรอคอยที่จะมาร่วมงานปาร์ตี้วันนี้ แต่ว่า...” น้ำตาใสอุ่นไหลอาบแก้มนวลของเธอ “ร่างกายของเสี่ยวอ้ายไม่แข็งแรง เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเธอต้องเข้ารับการผ่าตัดครั้งสำคัญมาก แต่ว่า...มันไม่สำเร็จ...”
“เข้าใจแล้ว ฉันจะสวดส่งดวงวิญญาณให้” ลู่กั้วยังไม่เข้าใจอยู่ดี
“เจ้าโง่ ที่ชาร์ลิซพูดน่ะ เพราะอยากจะช่วยทำความหวังสุดท้ายของเสี่ยวอ้ายให้สำเร็จต่างหากเล่า เบื๊อกจริงๆ” เข่อถาว่าแรง
“ความหวังสุดท้าย? อย่าบอกน่ะว่าอยากจะเต้นรำกับไอ้กะเทยไป๋จิ้งฉีน่ะ?” ลู่กั้วเสียงดัง
“ถูกต้อง ก่อนจะไปจากโลกนี้เขาอยากจะเต้นรำกับจิ้งฉี แต่ว่าเป็นแบบนี้แล้วจิ้งฉีจะมองเห็นเสี่ยวอ้ายได้ยังไงหล่ะ”
ถึงแม้เจ้านั่นจะอ่อนเวทมนตร์ แต่ก็ยังพอมองเห็นวิญญาณได้ ปัญหาคือวิญญาณไม่มีรูปร่างตัวตน คงต้องอาศัยร่างคนอื่นถึงจะทำได้ ลู่กั้วคิด
“ไม่มีทางอื่น ฉันจะสละร่างให้สักพักแล้วกัน” เข่อถากระโดดลงจากไหล่ของชาร์ลิซ
พริบตาถึงพื้น เจ้าแมวดำก็กลายร่างเป็นมนุษย์ผู้ชายอายุประมาณ 10 ขวบ ผิวคล้ำ แต่งตัวหรูหราอย่างกับเจ้าชาย แต่บนใบหูทั้งสองยังคงมีต่างหูคู่ใหญ่ประดับอยู่
“เข่อถา เธอทำอะไร?” ชาร์ลิซไม่เข้าใจ
“วิญญาณไม่มีตัวตน ถึงจะมองเห็นได้แต่สัมผัสไม่ได้” เข่อถาตอบ
“ไม่เอา” เสี่ยวอ้ายบังตัวหลบอยู่ข้างหลังชาร์ลิซ “ฉันไม่อยากสิงแมว”
“เรื่องมากไปมั้งน้องสาว? ถึงจะตัวเล็กไปหน่อย ผิวดำไปนิด แต่ก็ยังถือว่าเป็นคนนะ” ลู่กั้วรำคาญ
“อ้าวเฮ้ย นี่แกหมายความว่าไง?” เข่อถารู้สึกว่าคำพูดของลู่กั้วฟังไม่เข้าหูยังไงไม่รู้
“เสี่ยวอ้ายต้องสิงอยู่ในตัวคนถึงจะใช้ได้ใช่มั้ย” ชาร์ลิซเริ่มเข้าใจปัญหา
“ถูก”
“งั้นก็สิงอยู่ในตัวฉันก็แล้วกัน รูปร่างฉันพอๆ กับเสี่ยวอ้าย อีกอย่าง ถ้านักเรียนชายสองคนเต้นรำคู่กัน มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ?”
“อย่าดีกว่าชาร์ลิซ แม่สาวๆ พวกนั้นดุอย่างกับเสือ ถ้าเห็นเธอเต้นรำกับเจ้าบ้าไป๋จิ้งฉีล่ะก็ ไม่จับเธอขย้ำก็แปลกแล้ว” ลู่กั้วพยายามขัดขวาง
“ไม่เป็นไรหรอกน่า เพื่อนกันทั้งนั้น พวกเขาไม่ว่าอะไรหรอก” ชาร์ลิซยิ้ม
“ไม่ได้ เธอไม่มีพลังอะไรซักอย่าง ถ้าหาก...” ถูกเสี่ยวอ้ายเข้าสิงแล้วไม่ยอมออกมาจะทำยังไง เข่อถาอยากจะพูดเช่นนี้ แต่พอเห็นแววตาน่าเวทนาของเสี่ยวอ้ายแล้วก็นึกละอายใจที่สงสัยไม่เข้าเรื่อง
“ไม่เป็นไรหรอก เอ้า เริ่มกันเลยดีกว่าเสี่ยวอ้าย” ถึงจะมองไม่เห็นเพื่อน แต่ชาร์ลิซหลับตาลงรอให้เสี่ยวอ้ายเข้าสิงร่าง
“ขอบคุณ ขอบคุณมาก ชาร์ลิซ” เสี่ยวอ้ายซาบซึ้งในน้ำใจของเพื่อน ก่อนจะเริ่มปฎิบัติการ 2 in 1
ลู่กั้วมองร่างโปร่งแสงของเสี่ยวอ้าย ค่อยๆ เข้าไปในกายเนื้อของชาร์ลิซ รู้สึกเป็นกังวลอย่างไรไม่รู้
“โอ้...” เสี่ยวอ้ายยกมือขึ้นมอง “นี่ฉันอยู่ในร่างของชาร์ลิซจริงๆ เหรอเนี่ย”
“ใช่แล้ว แต่ถ้าหากเธออยู่ในร่างนั้นนานเกินไป ชาร์ลิซก็จะเป็นอันตรายนะ ทางที่ดีรีบไปหาจิ้งฉีเลยดีกว่า” ลู่กั้วพูดขึ้น
“แต่ว่า” เสี่ยวอ้ายหน้าแดงระเรื่อ มองไปยังจิ้งฉีที่อยู่กลางวงล้อมของหมู่สาวๆ ๐ฉันจะพูดกับเขายังไงดี...”
“ปัดโธ่ ยุ่งยากจริง” ลู่กั้วดึงมือเสี่ยวอ้ายอย่างไม่เกรงใจพาเดินจ้ำไปหาจิ้งฉี
“แกจะทำอะไรน่ะ” เข่อถาวิ่งตามมาติดๆ
“หลบหน่อยๆ” เจ้าหนุ่มหัวเงินแหวกวงล้อมเข้าไป
“เบียดมาทำไมเนี่ย?” สาวน้อยนางหนึ่งจ้องมา
แต่ลู่กั้วขี้เกียจจะอธิบาย ผลักเสี่ยวอ้ายเข้าหาจิ้งฉีทันที “รีบโค้งขอเธอเต้นรำซะ”
จิ้งฉียังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ร่างกายอันอ่อนนุ่มของสาวแรกรุ่นก็ประชิดตัวเข้ามาเสียแล้ว “ชาร์ลิซ?” น่าแปลก ไม่เหมือนชาร์ลิซในยามปกติ แต่เหมือนกับถูกอะไรสิงอยู่งั้นแหละ
“ลู่กั้ว ตอนเด็กนายถูกประตูหนีบจนสมองตายรึไงหา จิ้งฉีจะเต้นรำกับใครนายเกี่ยวอะไรด้วย?” เพื่อนนักเรียนหญิงไม่พอใจที่ลู่กั้วผลักชาร์ลิซเข้าไปหาจิ้งฉี
“ขอ...ขอโทษ” ครั้งแรกที่ได้มีโอกาสใกล้ชิดกับจิ้งฉีขนาดนี้ หัวสมองของเสี่ยวอ้ายยุ่งเหยิงไปหมด ทำอะไรไม่ถูกจนคิดจะหนี แต่ทว่าเพราะคนเยอะเธอจึงเผลอเหยียบเท้าของใครคนหนึ่งเข้า จนไถลล้มไปด้านหลัง


“ชาร์ลิซ!”
ลู่กั้วเห็นท่าไม่ดีจึงพุ่งตัวจะเข้าไปช่วยประคองแต่ช้าไป
“ระวังหน่อย” ถึงจิ้งฉีจะรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ อยู่ แต่เขาก็ยังตาไวมือไวรับร่างบอบบางนั้นไว้ได้ทัน ก่อนจะค่อยประคองให้ยืนขึ้นดังเดิม
“เหวอ” ลู่กั้วที่พุ่งตัวจะไปรับเสี่ยวอ้ายแต่ถูกจิ้งฉีตัดหน้าไปเสียก่อน เสียหลักล้มลงจับกบอยู่บนพื้น
“สมน้ำหน้า เขาเรียกว่าขโมยไก่ไม่ได้ แถมเสียข้าวไปหนึ่งกำมือ ฮิฮิ” เพื่อนนักเรียนหญิงหัวเราะกันยกใหญ่
“เราไปทางโน้นกันเถอะ” จิ้งฉีจูงเสี่ยวอ้ายเดินเลี่ยงออกมาอีกด้านหนึ่ง เห็นท่าทางเจ้าหมาป่าแล้ว คนนี้ต้องไม่ใช่ชาร์ลิซแน่ๆ แล้วมันเรื่องอะไรกัน ต้องรีบหาความจริงให้ได้
“จ้ะ” เสี่ยวอ้ายก้มหน้าเอียงอาย ปล่อยตัวเองให้เดินตามจิ้งฉีต้อยๆ
“อ้าว จิ้งฉีไปไหนแล้ว เพราะแกแท้ๆ จิ้งฉีของฉันหายไปไหนก็ไม่รู้” สาวๆ เมื่อไม่เห็นจิ้งฉีก็หงุดหงิดฉุนเฉียวกันถ้วนทั่ว ได้แต่ระบายอารมณ์ใส่ลู่กั้วที่ยังไม่ลุกจากพื้น
“ทุกคน ยังไงตอนนี้จิ้งฉีก็ไม่อยู่แล้ว พวกเราไม่ต้องเกรงใจไอ้หมอนี่ เหยียบมันเลย เอาเลย”
“#%$^! #*$@!”


“ทำไมไม่เห็นชาร์ลิซเลยนะ” เพราะว่าเข่อถาตัวเล็กกว่าคนอื่น ทำยังไงก็เบียดเสียดเข้าไปไม่ได้ แต่ตอนนี้ทุกคนสลายตัวกันหมดแล้ว เขาจึงพบว่าชาร์ลิซไม่อยู่ ไม่รู้ไปไหน ที่เห็นอยู่ตรงหน้ามีเพียงร่างของชายหนุ่มผมขาวซึ่งเลอะไปด้วยรอยเท้าเต็มไปหมด “เฮ้ยนี่ ยังมีชีวิตอยู่รึเปล่า?” เข่อถาคุกเข่าอยู่ข้างกายลู่กั้ว จิ้มนิ้วลงไปบนร่างเปื้อนฝุ่นนั้นเบาๆ
“ไอ้บ้าเอ๊ยยย!” ทันใดนั้นลู่กั้วหันหน้าขึ้นขวับ แม้แต่หน้าตาก็ยังเต็มไปด้วยฝุ่น “ไป๋จิ้งฉี แค้นนี้ไม่ชำระไม่ได้แล้ว” ตะคอกออกมาสุดเสียง
อีกด้านหนึ่ง
“เธอเป็นใคร?” จิ้งฉีถามออกมาตรงๆ “เธอไม่ใช่ชาร์ลิซ เธอเป็นใครกันแน่?”
“จิ้ง...จิ้งฉี...ฉัน...” เสี่ยวอ้ายไม่รู้จะบอกยังไง
“นี่ อ่อนโยนกับผู้หญิงหน่อยสิ” เข่อถาอาศัยสัญชาตญาณพิเศษตามกลิ่นมาจนพบ แล้วกระโดดขึ้นไปบนไหล่จิ้งฉี
“เธอคือเสี่ยวอ้าย ตายไปแล้วเมื่ออาทิตย์ก่อน ตอนยังมีชีวิตอยู่ เธอชอบแกมากอยากจะเต้นรำกับแก”
“เสี่ยวอ้าย?” จิ้งฉีไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน “แต่ว่าฉันเต้นรำไม่เป็น”
“เป็นไม่เป็นไม่สำคัญ ที่สำคัญคือช่วยให้เธอสมหวัง จะได้ขึ้นสวรรค์ไปอย่างสบายใจ” เข่อถาพูด
“ถ้าวิญญาณสิงอยู่ในร่างนานเกินไปจะไม่ดีต่อชาร์ลิซ”


ไม่มีทางเลือกอื่น
จิ้งฉีถอนหายใจยาว
ทำไมฉันต้องมาทำเรื่องแบบนี้ด้วย?


“ถ้างั้น มาเต้นรำกันเถอะ”
เสี่ยวอ้ายอายจนหน้าแดง “จ้ะ”
“Music” เข่อถายกมือส่งสัญญาณให้ลู่กั้วที่อยู่อีกด้าน
“ช้าง ช้าง ช้าง ช้าง ช้าง น้องเคยเห็นช้างรึเปล่า...” เสียงเพลงดังก้องทั่วห้องโถงใหญ่ เพื่อนๆ นักเรียนพากันหัวเราะลั่น
ไอ้โง่!
เหงื่อเม็ดเป้งๆ หยดย้อยลงจากหน้าผากของจิ้งฉีและเข่อถา
“เฮ้อ เอาเถอะๆ” รีบๆ ทำให้จบๆ เรื่องไปดีกว่า จิ้งฉียื่นมือออกไปหาเสี่ยวอ้าย “ถึงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็เชิญครับเสี่ยวอ้าย” ส่งยิ้มน้อยๆ ให้เธอ
“ค่ะ” ขอเพียงได้เต้นรำกับจิ้งฉี จะเพลงอะไรเสี่ยวอ้ายก็ไม่สนใจทั้งนั้น

ภายในห้องโถงใหญ่ ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่จ้องมองมากับเสียงดนตรีอันน่าขัน จิ้งฉีและเสี่ยวอ้ายเริ่มเต้นรำ ถึงแม้จะดูแข็งทื่อสักหน่อย และบ่อยครั้งที่เหมือนจะไปไม่ถูกไม่รู้จะเต้นยังไง แต่สาวน้อยเสี่ยวอ้ายก็ยังรู้สึกชื่นมื่นหวานฉ่ำชื่นไปถึงหัวใจ
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พูดคุยกับนักเรียนชายที่ชอบ เป็นครั้งแรกที่ได้เต้นรำกับชายในฝัน และเป็นครั้งแรกที่ได้ใกล้ชิดกันขนาดนี้ รู้สึกเหมือนกำลังล่องลอยอยู่ในความฝันอันแสนหวาน เสี่ยวอ้ายเงยหน้าขึ้นสบตากับจิ้งฉี พลันเขินอายจนหน้าแดงเรื่อ



น่าสงสาร อายุยังน้อยก็ต้องมาด่วนตายไปเสียแล้ว
จิ้งฉีมองเสี่ยวอ้ายด้วยความสงสาร
จิ้งฉีกำลังมองฉัน
เสี่ยวอ้ายซบหน้าลงบนอกของชายหนุ่ม
มีความสุขจัง แต่ว่า...นี่เป็นร่างของชาร์ลิซ ใบหน้าที่จิ้งฉีเห็นก็เป็นของชาร์ลิซ แล้วในใจเขาจะคิดถึงฉันหรือชาร์ลิซกันแน่?
น่ารักดีแฮะ
จิ้งฉีเห็นแก้มแดงระเรื่อของเสี่ยวอ้ายแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้
จิ้งฉียิ้มให้ฉัน แต่ถ้าเป็นร่างของฉันจริงๆ แล้วเขาจะยิ้มให้แบบนี้ไหมนะ?
ในใจของเสี่ยวอ้ายสับสน ดีใจเป็นที่สุดแต่ก็เศร้าใจไม่น้อย
ชาร์ลิซเป็นคนสวย แถมยังเป็นคนจิตใจงามอีก จริงๆ แล้วคนที่จิ้งฉีชอบอาจจะเป็นเธอก็ได้ แล้วฉันล่ะ ตอนนี้ฉันเป็นอะไรกันแน่? เป็นตัวแทนงั้นรึ? หรือว่าเป็นแค่คนเชิดหุ่นเท่านั้น?
เสี่ยวอ้ายรู้สึกสับสนปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูก
เหตุใดพระเจ้าจึงได้ลำเอียง ทำไมไม่ให้ความสวยกับฉันบ้าง ไม่ให้ร่างกายที่แข็งแรงกับฉันบ้าง...ทำไม ทำไมฉันต้องมาตายเร็วขนาดนี้? แล้วเพราะอะไรชาร์ลิซจึงเพียบพร้อมไปหมดทุกอย่าง? เพราะอะไรกัน
หัวใจของเสี่ยวอ้ายร้องไห้
จิ้งฉีต้องเป็นของฉันคนเดียว
สองมือกอดจิ้งฉีไว้แน่นโดยสมัครใจ
เอ๋ ทำไมอยู่ๆ ก็กอดซะแน่นเชียว
จิ้งฉีประหลาดใจในท่าทีของเสี่ยวอ้าย
“เสี่ยวอ้าย เพลงจบแล้ว เรามา...” เขาคิดจะเตือนสติให้รีบออกจากร่างของชาร์ลิซแล้วขึ้นสวรรค์ไปได้แล้ว แต่ว่า
“ไม่เอา” สองมือยิ่งกอดรัดจิ้งฉีแน่นเข้าไปอีก สายตาแข็งกร้าวขึ้นมาทันที “ไม่เอา ฉันไม่ไปนะจิ้งฉี เพิ่งจะรู้จักเธอแป็บเดียวเอง ก็จะต้องมาจากกันตลอดกาล” น้ำตาเอ่อท้นขึ้นมาจากตาคู่กลมโต
“แต่เธอสัญญากับชาร์ลิซเอาไว้แล้วไม่ใช่เหรอ? ขอเพียงสมหวังครั้งสุดท้าย เธอก็จะคืนร่างให้ชาร์ลิซ” จิ้งฉีรู้สึกสถานการณ์เริ่มจะไม่ชอบมาพากลเข้าให้แล้ว
“ชาร์ลิซเป็ยคนดี เขาต้องยอมยกร่างนี้ใหฉันแน่ๆ” แววตาของเสี่ยวอ้ายเปลี่ยนไป ไม่อ่อนโยนเหมือนเดิม
“พูดอะไรออกมาน่ะ” เข่อถาตะคอก
“ไปให้พ้น เจ้าแมวเฮงซวย” เสี่ยวอ้ายปัดมือไล่เข่อถาที่กระโดดขึ้นมาเกาะบนไหล่ของเธอ
“เมี้ยว!” แมวดำตัวน้อยตกลงสู่พื้น
“โอ๊ะ!” ลู่กั้วเห็นไม่เข้าที รีบจ้ำเดินเข้ามาหา “ยัยวิญญาณเบ๊อะ ลองดูหน่อยมั้ยว่าตายจริงๆน่ะเป็นยังไง” พับแขนเสื้อขึ้นตั้งท่าจะจัดการกับวิญญาณในร่างของชาร์ลิซ แต่ถูกจิ้งฉีห้ามเอาไว้ก่อน
“นายจะทำอะไร คนมากขนาดนี้...” เตือนสติลู่กั้ว
“ชาร์ลิซอุตส่าห์มีน้ำใจคิดจะทำให้เธอสมหวังแต่ยัยวิญญาณนี่กลับหักหลังคิดจะยึดร่างของเธอเอาไว้เลย นายยังมีหน้ามาปกป้องมันอีกเหรอ” ลู่กั้วโกรธเคือง
“ใช่แล้ว ชาร์ลิซเชื่อใจเขา” เข่อถาเสริมทันควัน
“ฉันก็เหมือนกัน” จิ้งฉีท่าทางจริงจัง “ฉันเชื่อว่าเสี่ยวอ้ายต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับชาร์ลิซแน่นอน เธอเป็นคนดี ไม่ทำเรื่องต่ำช้าแย่งร่างกายคนอื่นหรอก”
ลู่กั้วและเข่อถาเงียบลง



จิ้งฉีออกรับแทนฉัน ก่อเรื่องขนาดนี้เขายังออกตัวปกป้องฉัน
ในใจของเสี่ยวอ้ายรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของจิ้งฉี แต่พอคิดว่าจะต้องพรากจากกันชั่วนิรันดร์ ก็ยังแข็งขันไม่ยินยอมง่ายๆ
“เสี่ยวอ้าย โลกนี้ไม่มีอะไรเที่ยงแท้ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถหนีพ้นลิขิตชีวิตของตนได้ หลายคนต้องจำใจจากโลกนี้ไปทั้งที่ยังมีหลายเรื่องที่ไม่ได้ทำให้สำเร็จ แต่เธอไม่ใช่ เธอยังมีชาร์ลิซคอยช่วย เพื่อเธอแล้วถึงกับยอมให้ยืมแม้กระทั่งร่างกาย เสี่ยวอ้าย ฉันอิจฉาเธอจริงๆ เธอก็คงจะมีอะไรดีอยู่ไม่น้อย ถึงได้มีเพื่อนที่ดีขนาดนี้”
“ไม่...ไม่มี” คำพูดของจิ้งฉีทำเอาเสี่ยวอ้ายขอบตาแดง “เข้าใจแล้วจิ้งฉี ขอบคุณนะ ฝากบอกชาร์ลิซด้วยว่าขอบคุณ แล้วก็...ขอโทษด้วย” แม้จะทำใจได้แล้ว แต่น้ำตาของเสี่ยวอ้ายก็ยังคงไหลไม่หยุด
“ได้อยู่แล้ว” จิ้งฉียิ้ม มองเห็นแสงสีขาวลอยขึ้นจากร่างของชาร์ลิซ ลอยออกไป ทันใดนั้นร่างของชาร์ลิซก็อ่อนยวบลงฟุบนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของเขา
“เอามือสกปรกของแกออกไปเดี๋ยวนี้นะ” ลู่กั้วแย่งชาร์ลิซไปประคองกอดไว้เอง
“อืม?” ชาร์ลิซค่อยๆ ลืมตา ตื่นขึ้น
“ชาร์ลิซ!” เข่อถากระโดดขึ้นไปอยู่ในอ้อมกอดของเธอ แล้วร้องไห้โฮออกมาอย่างเก็บอาการไว้ไม่อยู่ “คิดว่าเธอจะไม่กลับมาแล้วซะอีก”
“โง่น่าเข่อถา” ชาร์ลิซลูบขนสีดำอันอ่อนนุ่มนั้นเบาๆ มองไปยังจิ้งฉี “เสี่ยวอ้ายไปแล้วใช่ไหม?”
“อืม ไปแล้ว”
“เธอดู...เจ็บปวดมากรึเปล่า” ชาร์ลิซนึกถึงภาพนางพยาบาลเซ็นเสี่ยวอ้ายที่ถูกคลุมด้วยผ้าขาวทั้งตัวออกมาจากห้องผ่าตัด รู้สึกเจ็บปวดอยู่ในใจลึกๆ
“ไม่นี่ เขาจากไปด้วยรอยยิ้ม แล้วยังฝากขอบคุณเธอด้วย บอกว่าได้พบเพื่อนอย่างเธอเขาดีใจที่สุดในชีวิตเลยล่ะ” จิ้งฉีตอบ
“เฮ้...” ลู่กั้วไม่พอใจคิดจะเปิดโปงการกระทำของเสี่ยวอ้ายกลับถูกกำปั้นของจิ้งฉีทุบลงไปบนหัวเสียนี่
“จริงเหรอ? ดีจัง” ชาร์ลิซทำท่าขอพรให้เสี่ยวอ้าย
ทันใดนั้นเข่อถาก็รู้สึกเหมือนมีพลังที่แข็งแกร่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจึงกระโจนออดวิ่งไปอีกด้านหนึ่ง
ชาร์ลิซตกใจรีบวิ่งตามไปทันที “เข่อถารอด้วย”
“ชาร์ลิซ” ลู่กั้วกำลังจะวิ่งตามแต่กลับถูกจิ้งฉีดึงตัวเอาไว้ก่อน
“เรื่องเสี่ยวอ้ายอย่าบอกให้ชาร์ลิซรู้ล่ะ”
“ทำไม? ผู้หญิงคนนั้นไม่เห็นจะสนใจความรู้สึกของชาร์ลิซเลยกะจะยึดร่างของเธอด้วยซ้ำ แล้วทำไมฉันถึงจะบอกไม่ได้? ยังไงฉันก็จะบอกชาร์ลิซว่าผู้หญิงคนนั้นทำน่าเกลียดอะไรไว้” นี่ถ้าจิ้งฉีไม่มาขวางล่ะก็ เขาคงจะส่งวิญญาณเสี่ยวอ้ายลงนรกขุมที่ 18 ไปแล้ว
“ไอ้โง่” จิ้งฉีด่า “ถ้าไอคิวนายต่ำขนาดนี้ฉันขี้เกียจจะคุยด้วยแล้ว ถ้านายอยากจะเห็นชาร์ลิซเสียใจก็ตามใจ
“ชิ” ถึงปากจะไม่ยอมแพ้ แต่ลู่กั้วก็เชื่อคำจิ้งฉี


....................



“เข่อถา เข่อถา”
แปลกจริง เข่อถาเชื่องมาตลอด ไม่เคยวิ่งไปไหนโดยไม่บอกกล่าวเลย คราวนี้ทำไม?
ชาร์ลิซวิ่งตามแมวของเธอมาจนถึงสวนดอกไม้ของวิทยาลัยอย่างไม่รู้ตัว
“เฮ้ ฉันจำนายได้” เข่อถาวิ่งไปหยุดอยู่ข้างเท้าของผู้ชายคนหนึ่งที่สวมชุดดำและใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าเอาไว้ เขาคนนี้คือ ถีเอ่อ
แมวน้อยตะปบกรงเล็บไปที่ขาของชายหนุ่ม เขาคนนั้นส่งยิ้มจืดๆ มาให้
“ก็สมควรที่นายจะโกรธฉันแล้วล่ะ ผู้หญิงคนนั้นคือ...ชาร์ลิซในอดีตใช่มั้ย” เข่อถากำลังคิดจะต่อปากกลับได้ยินถีเอ่อส่งเสียงขึ้นมาก่อน
“เฮ้!”
“เข่อถา” ชาร์ลิซไล่ตามมาจนทัน พอวิ่งอ้อมต้นซากุระเข้าไปหา เธอก็พบกับชายหนุ่มคนหนึ่งอบู่เบื้องหน้า ส่งยิ้มอันอบอุ่นมาให้
“หามันอยู่ใช่มั้ย” เขาคนนั้นอุ้มเข่อถาไว้ในมือ
“ใช่” ชาร์ลิซเงยหน้าขึ้นมอง
ถึงชายตรงหน้าจะอำพรางหน้าตาไว้ด้วยหน้ากากสีดำ แต่ดวงตาสีฟ้าใสและอ่อนโยนคู่นั้นก็ทำให้ชาร์ลิซใจเต้นแรงแทบจะหยุดหายใจอยู่ตรงนั้น เลือดฝาดสีแดงระเรื่อฉีดซ่านบนแก้มนวลของเธออย่างระงับไม่อยู่


ซู่...
สายลมพัดผ่านมา พาเอากลีบสีชมพูอ่อนของซากุระบินว่อนราวกับเต้นรำอยู่รอบกายคนทั้งคู่ กาวเวลาเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง
“แมวน่ารักดีนะ” โอ ชาร์ลิซ...ถีเอ่ออยากจะโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขนไม่ยอมปล่อยตลอดกาล แต่ทว่า เขาทำไม่ได้ ถ้าทำแบบนั้นรังแต่จะทำลายชีวิตอันบอบบางของเธอ เขาบรรจงวางเข่อถาไว้บนไหล่ของหญิงสาวอย่างเบามือ ชาร์ลิซส่งสายตาจ้องมองมาอย่างงงงวย สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“คราวหน้าคราวหลังอย่าปล่อยให้มันวิ่งหนีไปอีกล่ะ” รอยยิ้มเหมือนในอดีตผุดพรายขึ้นบนใบหน้า
“ค่ะ” สมองของชาร์ลิซว่างเปล่า ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี
“ลาก่อนนะ” ถีเอ่อทำใจแข็ง หันหลังกลับไป
“รอเดี๋ยวค่ะ” สติของชาร์ลิซกลับมาแล้ว นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ถามชื่อเขาเลย แต่ที่ได้ตอบกลับมานั้นมีเพียงเสียงลมพัดแผ่วเบา
ที่จริงเขาก็คือ...หรือว่าความทรงจำของพวกเขาจะถูกลบล้างไปหมดแล้ว? เข่อถามองสีหน้าผิดหวังของชาร์ลิซ แล้วคิดอยู่ลึกๆ ในใจ
“อาจารย์ถีเอ่อ!” ลู่กั้วและจิ้งฉีที่วิ่งตามชาร์ลิซออกมาที่สวนดอกไม้ เห็นถีเอ่อเดิมเข้ามาหา “อาจารย์ก็มาร่วมงานปาร์ตี้เหมือนกันหรือครับ?” หน้ากากของถีเอ่อทำให้พวกเขาคิดเช่นนั้น
“ไม่ใช่...ฉันมาหาพวกเธอ” ถีเอ่อดึงหน้ากากออก ความลับอันอ่อนโยนถูกเก็บไว้ลึกสุดหัวใจ ที่เห็นตอนนี้มีเพียงสีหน้าที่เคร่งขรึมจริงจังเท่านั้น “มีภารกิจใหม่”
“จริงง่ะ” ลู่กั้วกระตือรือร้นขึ้นมาทันที“จริง แต่ว่าภารกิจครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย” ถีเอ่อนึกถึงรายงานที่ได้รับแล้วก็รู้สึกเป็นกังวล ภารกิจครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดาสำหรับเด็กใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมองค์กรอย่างพวกเขาทั้งสองเลย


แล้วฉันล่ะ
ตอนนี้ฉันเป็นอะไรกันแน่?
เป็นตัวแทนงั้นรึ? หรือว่าเป็น
แค่คนเชิดหุ่นเท่านั้น?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น